คุณสมบัติของผู้ที่จะบวชได้
ครั้งหนึ่งในชีวิตของลูกผู้ชาย การได้บวชถือเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ ผลบุญจะแผ่ไปถึงบุคคลผู้ใกล้ชิด และลบล้างกรรมชั่วในอดีตได้ ตามแต่กำลังการบำเพ็ญตน หรือหากท่านยินดีที่จะดำรงสถานภาพของสมณเพศไปจนตลอดชีวิต ก็นับว่าเป็นการอุทิศตนช่วยธำรงค์ไว้ซึ่งการสืบต่ออายุของพระพุทธศาสนา ไปจนตราบชั่วกาลนาน
การคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมจะมาอยู่ในสมณเพศถือว่ามีส่วนสำคัญมาก การหละหลวมในการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้ที่จะมาบวช ให้คนทั่วไปเขากราบไหว้นับถือ มีส่วนทำให้สถาบันศาสนาสั่นคลอน ดังจะเห็นได้จากสิ่งที่เคยเกิดขึ้นว่า คนเคยต้องโทษจำคุกในคดีอาญามาบวชเป็นพระ ก็นอกจากจะไม่อยู่ในศีลแล้ว ยังก่อคดีอุกฉกรรจ์อีกจนได้
๏ ผู้ที่จะบวชเป็นสามเณรหรือพระได้ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
๑. เป็นสุภาพชนที่มีความประพฤติดีประพฤติชอบ ไม่มีความประพฤติเสียหาย เช่น ติดสุราหรือยาเสพติดให้โทษเป็นต้น และไม่เป็นคนจรจัด
๒. มีความรู้อ่านและเขียนหนังสือไทยได้
๓. ไม่เป็นผู้มีทิฏฐิวิบัติ
๔. ไม่เป็นคนล้มละลาย หรือมีหนี้สินผูกพัน
๕. เป็นผู้ปราศจากบรรพชาโทษ และมีร่างกายสมบูรณ์ อาจบำเพ็ญสมณกิจได้ ไม่เป็นคนชราไร้ความสามารถหรือทุพพลภาพ หรือพิกลพิการ
๖. มีสมณบริขารครบถ้วนและถูกต้องตามพระวินัย
๗. เป็นผู้สามารถกล่าวคำขอบรรพชาอุปสมบทได้ด้วยตนเอง และถูกต้องไม่วิบัติ
๏ ต่อไปนี้เป็นลักษณะต้องห้ามสำหรับผู้จะบวชได้แก่
๑. เป็นคนทำความผิด หลบหนีอาญาแผ่นดิน
๒. เป็นคนหลบหนีราชการ
๓. เป็นคนต้องหาในคดีอาญา
๔. เป็นคนเคยถูกตัดสินจำคุกฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ
๕. เป็นคนถูกห้ามอุปสมบทเด็ดขาดทางพระศาสนา
๖. เป็นคนมีโรคติดต่ออันน่ารังเกียจ เช่น วัณโรคในระยะอันตราย
๗. เป็นคนมีอวัยวะพิการจนไม่สามารถปฏิบัติกิจพระศาสนาได้
สิ่งต่างๆ ข้างต้นจะมีเขียนถามไว้ในใบสมัครขอบวชซึ่งต้องไปเขียนที่วัดนั้นๆ
ข้อมูลจาก
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7819
วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น